“Finding your own Paradise”

หลายๆ คนที่กำลังมองหาบ้านและคอนโด น่าจะเคยได้ยินคำพูดเหล่านี้ครับ “สำหรับโครงการเราใช้พื้นกระเบื้องแบบกระเบื้องยางครับ”, “โครงการเราพื้นลามิเนตครับ”, “เราใช้พื้นไวนิลครับ” ฯลฯ ฟังแล้วก็แอบปวดหัว ว่าทำไมพื้นกระเบื้อง มันถึงมากมายหลากหลายแบบจังเลยล่ะ ฟังแล้วเป็นงงไปหมด แล้วมันต่างกันยังไง บทความนี้เราจะมาคุยเรื่อง “พื้นห้อง” แต่ละชนิดกันครับ

วัสดุปูพื้นห้องในปัจจุบันนั้น ถูกผลิตคิดค้นขึ้นด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่หลากหลาย เพื่อรองรับต่อความต้องการและไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเป็นความสวยงาม ความทนทาน หรือความหลากหลายในการใช้งาน
บทความนี้จึงขอยกเอา “พื้นห้อง” ที่นิยมในปัจจุบันมาเพื่อขยายความ และทำความเข้าใจกันครับให้กับคุณผู้อ่านทุกท่านครับ

1. ไม้จริง – Wood Floor

wood floor

พื้นธรรมชาติเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เนื่องจาก “ไม้” เป็นวัสดุที่หาได้ง่าย ปลูกทดแทนได้ ไม้ที่นิยมนำมาใช้ทำพื้นเป็นไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้สัก สามารถนำมาใช้ได้ทั้งบ้านไม้และบ้านปูน เนื้อไม้จะให้ผิวสัมผัสที่สบาย สีสันอบอุ่น ดูหรูหราอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ปัจจุบันนี้ไม้เริ่มหายากขึ้นเพราะความต้องการที่มากเกิน ราคาจึงสูงขึ้นมาก ส่วนมากจึงนิยมใช้วัสดุไม้ทดแทน หรือไม้เทียมนั่นเองครับ

2. พื้นปาร์เกต์ – Parquet Floor

Parquet Floor

เป็นการนำไม้จริงชิ้นเล็กๆมาตัดให้มีขนาดเล็กสี่เหลี่ยมผืนผ้า โดย “พื้นปาร์เกต์” จะมีราคาที่ถูกกว่าไม้จริง เพราะสามารถนำเศษไม้มาผลิตได้ การปู “พื้นปาร์เกต์” สามารถปูทับพื้นคอนกรีตได้เลย โดยใช้กาาว และด้วยการใช้กาวยึดนั้น จึงทำให้ “พื้นปาร์เกต์” ไม่เหมาะกับพื้นที่ชื้นหรือเจอน้ำบ่อย ๆ นอกจากนี้ ยังต้องระมัดระวังการเคลื่อนย้ายสิ่งของอีกด้วย เพราะผิวสัมผัสของพื้นนั้น เกิดร่องรอยได้โดยง่ายมาก

3. พื้นไม้เอ็นจีเนีย – Engineered Hardwood

Engineer Wood Floor

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบ สัมผัสกับลายของไม้ “พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ ” เป็นพื้นไม้ที่ถูกคิดค้นขึ้น เพื่อทดแทนไม้ปาร์เกต์ที่เริ่มหายากและราคาสูง แต่ยังคงผิวสัมผัสของความเป็นไม้จริงเอาไว้ โดยการนำไม้จริงที่มีขนาดไม่หนามาก มาทับซัอนกันเป็น layer อีกทั้งยังนำมาทับแบบสลับแนวไม้ เพื่อเสริมความทนทานให้แก่พื้นไม้ และนำไม้ที่ราคาไม่สูงมาก มาเป็น layer ชั้นล่างเพื่อลดต้นทุน ส่วนชั้นบนสุด จะเป็นไม้จริง ซึ่งมีให้เราเลือกมากมาย เช่น ไม้เมเปิ้ล ไม้แอช ไม้วอลนัท ไม้สัก และถึงแม้ว่าราคาของพื้นไม้เอ็นจิเนียร์นั้น จะไม่ได้ถูกกว่าไม้จริงสักทีเดียว แต่ก็ให้ในเรื่องของ ผิวสัมผัส ความสวยงามที่เลือกได้ และความทนทานแข็งแรง เป็นการทดแทนครับ ส่วนข้อเสียนั้นยังไงเขาก็ยังเป็นพื้นไม้ ซึ่งก็หนีไม่พ้น ปลวก กับ น้ำนั่นเอง

4.พื้นลามิเนต – Laminate

Laminate Floor

“พื้นลามิเนตนั้น” นับว่าเป็นพื้นลูกรักของคอนโดมิเนียมเลยก็ว่าได้ ผลิตขึ้นโดยการผสมระหว่างวัสดุธรรมชาติและวัตถุดิบสังเคราะห์ มาอัดรวมเข้าด้วยกัน จัดว่าเป็นพื้นไม้ทดแทนเลยก็ว่าได้ครับ โดยพื้นลามิเนตนั้น จะประกอบไปด้วยส่วนหลัก ๆ คือ ผิวหน้าสำหรับลวดลาย, ส่วนรับน้ำหนักและแรงกระแทก, คือวัสดุเคลือบผิวป้องกันรอยขีดข่วนและป้องกันความชื้นครับ พื้นลามิเนตนั้น มีความหนาอยู่ที่ 8 – 12 มม. ซึ่งนับว่าความหนากำลังดี มีน้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย และลวดลายที่หลากหลาย ง่ายต่อการรีโนเวทให้เข้ากับห้องเราได้ง่ายสุด ๆ ซึ่งบางกรณียังสามารถปูพื้นทับพื้นได้เลย ง่ายแสนง่าย และมีราคาที่ถูกครับ นั่นเลยทำให้พื้นลามิเนต เป็นที่นิยมอย่างมาก ณ ปัจจุบัน ส่วนข้อเสียนั้นคือแพ้ความชื้น กับ น้ำครับ เพราะเขาก็ยังคงเป็นพื้นที่มีส่วนผสมของไม้อยู่ ฉะนั้นเวลาทำความสะอาด พยายามอย่าให้เปียกน้ำจนเกินไปนะครับ

5. กระเบื้องไวนิล – Vinyl Floor 

Vinyl Floor

“พื้นกระเบื้องไวนิล” หรือ “พื้นกระเบื้องยาง” ด้วยการพัฒนากระบวนการผลิตและรูปร่างหน้าตา ทำให้ปัจจุบันนั้นพื้นชนิดนี้ มีความแตกต่างจากรุ่นก่อน ๆ อย่างมาก โดยมีลวดลายให้เลือกมากมาย เสมือนเป็นพื้นกระเบื้องธรรมชาติ ทั้งแบบพื้นไม้ พื้นหิน อีกทั้งยังราคาถูก และทนทานน้ำได้ดีไม่ต้องกังวลเรื่องความชื้นแล้วบวมน้ำครับ ซึ่งทนทานกว่า “Laminate” แต่ไม่เท่ากับ “Tile” และเมื่อปูพื้นจนเสร็จสับแล้วนั้น จะเห็นได้ว่า พื้น จะมีความคล้ายกับ “Laminate” มาก จนแทบจะแยกไม่ออก แต่สิ่งที่ต่างกันเลยก็คือ สัมผัสของพื้นครับ เพราะ “พื้นกระเบื้องไวนิล” จะแข็งกระด้างเวลาสัมผัส นั่นจึงเป็นข้อเสียครับ

6. Stone Plastic Composite (SPC)

Spc Floor

“พื้น SPC” หรือ “กระเบื้องยาง SPC” บางคนเรียก “พื้นไม้ SPC” ผลิตจาก แคลเซียมคาบอเนต (ผงหิน) ผสมกับพลาสติก (มีส่วนผสมของยาง) มีคุณสมบัติ แข็งแรง ทนทาน เหนียว ยืดหยุ่น และเคลือบด้วยวัสดุที่มีความทนต่อความชื้น ไม่บวม หรือแม้แต่ใช้ในห้องครัว ก็สามารถใช้ได้ครับ ไม่ติด ไม่ลามไฟ ที่สำคัญคือติดตั้งง่ายมาก ติดตั้งเองได้ ด้วยวิธีคลิกล็อก(Click-Lock) ไม่ต้องใช้กาวครับ หากว่าแผ่นไหนชำรุด ก็สามารถถอดเปลี่ยนซ่อมทีละแผ่นได้เลย ไม่ต้องรื้อใหม่ทั้งหมด และลวดลายที่ออกมาให้เป็นลายไม้ บอกเลยว่า หลากหลายมากครับ

7. กระเบื้อง – Tile 

พื้นกระเบื้อง เป็นพื้นที่เราเห็นเป็นประจำ เป็นพื้นสามัญประจำแทบทุกบ้านอยู่แล้ว ใช้ได้หลากหลาย ทั้งในบ้าน นอกบ้าน และมีลวดลายที่หลากหลายอีกด้วยครับ จึงขอยกพื้นกระเบื้องที่นิยมมา 2 ชนิด คือ “กระเบื้องเซรามิก” และ “กระเบื้องแกรนิตโต้”

7.1 กระเบื้องเซรามิก – Ceramic Tile 

Ceramic Tile

เป็นกระเบื้องดินเผา แต่มีแข็งแรงกว่ากระเบื้องดินเผา ทนทานแต่ไม่เท่า “กระเบื้องแกรนิตโต้” กันน้ำได้ ทำความสะอาดง่าย และสามารถนำไปใช้ได้หลากหลายสถานที่ ที่สำคัญครับ คือหาซื้อง่าย ลวดลายหลากหลาย และหลากหลายเกรดตามแต่ละเกรดราคา แต่มีคุณสมบัติคล้ายหินครับ คือสามารถแตกหักได้ตามปกติ

7.2 กระเบื้องแกรนิตโต้ – Granito Tile

Granito Tile

พัฒนาขึ้นเพื่อใช้ทดแทนหินแกรนิตธรรมชาติ โดยการผสมหินแกรนิตที่ย่อยสลาย แล้วผ่านกระบวนการจนกลายมาเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ มีการตกแต่งผิวกระเบื้องโดยมีทั้งแบบ ผิวด้าน และ ผิวมัน โดยข้อดีของกระเบื้องแกรนิโต้ คือความแข็งแรงทนทาน ที่เทียบเท่าหินแกรนิต แข็งกว่า “กระเบื้องเซรามิค” รับน้ำหนักได้ดี ทนต่อรอยขีดข่วน ปูพื้นแล้วพื้นเรียบเป็นเงาสวยงาม และไม่ค่อยดูดซึมน้ำครับ หากใช้กระเบื้องแกรนิตโต้ปูพื้นห้อง ความเงา และแผ่นขนาดใหญ่ จะทำให้ห้องนั้นดูหรูหราขึ้นมาเลยครับ

8. หินอ่อน – Marble

Marble Tile

หากคุณอยู่ในโครงการหรู ๆ คุณจะได้เห็นหินอ่อนอย่างแน่นอน ซึ่ง “หินอ่อน” เป็นวัสดุธรรมชาติ 100% จึงไม่แปลกที่จะอยู่ในโครงการหรู เพราะราคาแรงนั่นเองครับ
โดยหินอ่อนนั้น ก็คือหินปูนชนิดหนึ่ง จึงมีความแข็งแรง และทนมาก ๆ ซึ่งลวดลายของแต่ละก้อนนั้น มีความเป็นเอกลักษณ์ หรูหรา และอ่อนช้อย จึงทำให้ภาพรวมของหินอ่อนนั้น ดูดีมาก ๆ นั่นเองครับ ส่วนข้อเสียคือเรื่องความสะอาดเพราะหินอ่อนนั้น ค่อนข้างดูดซับสิ่งสกปรกได้ไวมาก และมีราคาที่สูงริปนั่นเอง

เป็นยังไงบ้างครับ สำหรับข้อมูลเบื้องต้น ของพื้นห้องแต่ละชนิด พอจะเห็นภาพแล้วใช่มั๊ยครับ ว่าพื้นแต่ละชนิดนั้นแตกต่างกันยังไง ซึ่งต้องบอกตรง ๆ เลยว่า ผิวสัมผัสของพื้นแต่ละชนิด มีผลต่อผู้อยู่อาศัยจริง ๆ นะครับ สามารถทำให้ห้องนั้น เปลี่ยนจากแบบนึง เป็นอีกแบบนึงได้เลย 

แต่แน่นอนว่าทุกอย่างมีราคาที่ไม่เท่ากัน ความสวยงาม และข้อดีข้อเสียที่ไม่เหมือนกัน ฉะนั้นแล้ว สิ่งหนึ่งที่ผมจะขอแนะนำ คือ “คุณ” ต้องลองไปดูพื้นห้องชนิดนั้นจริง ๆ ด้วยตัวคุณเอง เพื่อง่ายต่อการตัดสินใจครับ ชอบแบบไหน พอใจแบบไหน ก็เลือกได้ตามสะดวกเลยครับ

สิ่งที่คุณอาจสนใจ