“Finding your own Paradise”
สำหรับคอนโดนั้น จะมีการเรียก และแบ่งกลุ่มที่หลากหลาย หนึ่งในนั้น มีกลุ่มที่แบ่งเป็น Low rise กับ High Rise เรามาทำความเข้าใจกันครับว่า low rise กับ high rise ต่างกันอย่างไร
หลายคนที่อยู่คอนโดมิเนียม ก็มักจะคุ้นเคยกับคำนี้กันอยู่แล้ว แต่ก็มีหลายคนที่ไม่รู้ ว่ามีคำนี้อยู่ด้วย ซึ่งในที่นี้หมายถึงความสูงของตัวตึกครับ แบ่งออกเป็น low กับ High และเมื่อแบ่งออกเป็นสองแบบ ทำให้โครงสร้างของตัวโครงการต่าง ๆ ทั้งภายใน และ ภายนอกแตกต่างกัน และความต่างนี้ ก็ส่งผลถึงไลฟ์สไตล์ของคุณลูกบ้านอีกด้วย เช่นความเป็นส่วนตัว ความสะดวกสะบาย และราคา ก่อนจะซื้อคอนโด เราก็ควรจะรู้ความต่างนี้ ข้อดี และ ข้อเสีย ว่าจริง ๆ แล้ว เราเหมาะกับแบบไหนมากกว่ากันครับ
Low Rise
คอนโดที่มีความสูงไม่เกิน 23 เมตร ส่วนใหญ่ จะมีอยู่ 8 ชั้น บางตึกสามารถมีได้ถึง 9ชั้น ขึ้นอยู่กับว่าโครงการนั้น ว่าออกแบบลดความสูงของเพดานห้อง เพื่อให้สามารถทำชั้นที่ 9 ได้ และนิยมสร้างเป็นแบบหลายตึก
– ทำเลที่ตั้ง
เพราะกฎหมายกำหนดให้มีทางเข้า – ออกติดถนนกว้างขนาด 6 เมตรขึ้นไป และอยู่ใกล้ทางลัด คอนโด low rise ส่วนใหญ่ จึงอยู่ในซอย หรือเขตชุมชน
+ ความเป็นส่วนตัว
ด้วยความที่เป็นคอนโดที่มีขนาดชั้นน้อยกว่า ทำให้มีจำนวนยูนิตผู้อยู่อาศัยที่น้อยกว่า และ ทำเลของ low rise มักจะอยู่ในซอย ทำให้คนไม่พลุกพล่านจึงทำให้ลดเสียงรบกวนได้มาก
– ส่วนกลาง
พื้นที่ส่วนกลางหรือสิ่งอำนวยความสะดวกของคอนโด Low Rise ส่วนมากจะมีบริการให้ไม่เยอะนัก 1 – 2 ห้อง และมักจะมีแค่จุดเดียว หรือชั้นเดียว
– วิวทิวทัศน์
นับเป็นจุดด้อยของ คอนโดขนาดเล็ก หากคุณมาอยู่เพื่ออยากจะดูวิวสวย ๆ เนื่องจากความสูง สูงสุดชั้น 8 – 9 ก็ไม่สามารถรับรองได้ ว่าจะได้วิวที่สวยงาม ไม่ว่าจะอยู่ในซอย เขตชุมชน ยังมีโอกาสที่จะมีตึกรอบข้างบดบังวิวได้อีกด้วย
+ ราคา
ตัวคอนโดตั้งอยู่ห่างจากถนนหลัก หรือ ห่างจากระบบขนส่ง เช่น รถไฟฟ้า จึงทำให้ราคาถูกกว่ามาก
High Rise
คือคอนโดที่เป็นตึกสูงมากกว่า 23 เมตรขึ้นไป ส่วนใหญ่จะสูงประมาณ 20 – 30 ชั้นขึ้นไป มีที่ใช้สอยไว้คอยบริการให้ลูกบ้านเพียงพอ
+ ทำเลที่ตั้ง
เพราะกฎหมายบังคับให้คอนโดที่มีความสูงเกินกว่า 8 ชั้นต้องอยู่ติดถนนกว้างเกิน 10 เมตรขึ้นไป จึงเป็นคอนโดที่สร้างติดถนนใหญ่ หรืออยู่ใจกลางเมือง
– ความเป็นส่วนตัว
เพราะเป็นคอนโดขนาดใหญ่ยูนิตเยอะกว่า เน้นตั้งอยู่ใจกลางเมือง อยู่ในจุดที่คนพลุกพล่านกว่า และติดถนนใหญ่สายหลัก จึงทำให้เกิดเสียงรบกวน และมีความเป็นส่วนตัวน้อยกว่าคอนโดแบบ Low Rise
+ ส่วนกลาง
พื้นที่ส่วนกลาง เนื่องจากมีชั้นที่เยอะกว่ามาก บางที่มีส่วนกลาง 2 – 3 ชั้น บางที่มีส่วนกลางแบบเดียวกัน หลายชั้น จึงหมดปัญหาเรื่องของจำนวนไม่พอต่อความต้องการ
+ วิวทิวทัศน์
มีจุดขายที่วิวอยู่แล้ว ด้วยทำเลของคอนโดอยู่แล้ว ทำให้เหมาะแก่การอยู่แล้วชมวิวไปด้วย ยิ่งอยู่ในชั้นสูง ๆ ไม่ว่าจะเป็นวิวเมือง วิวทะเล หรือวิวแม่น้ำ ที่สวยงามตามที่เราต้องการ และยิ่งราคาห้องสูง วิวก็ยิ่งสวยตามไปด้วย
– ราคา
เมื่ออยู่ในเขตตัวเมือง ติดถนนใหญ่ ห้างล้อมรอบ หรือในจุดที่เน้นวิว มีส่วนกลางที่มากกว่า จึงทำให้ราคาสูงกว่ามาก
ไม่ใช่ว่าแค่ความสูงเท่านั้น ที่จำแนกกลุ่มของคอนโด เพราะเมื่อจำแนกแล้ว ก็จะมีข้อจำกัดที่แตกต่างกันออกไปด้วยครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การที่เป็นคอนโดเล็ก ก็ใช่ว่าจะไม่ดีเสมอไป ขึ้นอยู่กับหลาย ๆ ปัจจัย หากเป็นคอนโดเล็กในแบรนด์มีชื่อก็อาจจะมีราคาที่สูง และบริการที่ดีตามมาด้วยก็ได้ และไลฟ์สไตล์ความชอบของคนก็แตกต่างกันไป เราอาจจะอยากอยู่แบบ Low Rise ที่เป็นส่วนตัวกว่าก็ได้ การเลือกคอนโดแบบ Low Rise หรือ High Rise จึงเป็นหน้าที่คุณ ไม่มีถูกหรือผิด เพียงแค่เลือกให้เหมาะกับคุณ และ ไลฟ์สไตล์ของคุณก็พอ